อิงฟ้า วราหะ” เผยกลัวแม่เครียดข่าวโดนฟ้อง บอกฟ้อง 1,200 ล้าน นึกว่าตัวเองเป็นระดับโลก

“อิงฟ้า วราหะ” ยอมรับน้อยใจถูกอดีตต้นสังกัดโจมตีบางเรื่องที่ไม่เป็นความจริง บอกขอให้ผ่านถึงกระบวนกฎหมาย ตนจะออกมาชี้แจงทีเดียว เผยที่อีกฝ่ายฟ้องมา 1,200 ล้าน ไม่รู้ตีราคาจากไหน นึกว่าตนเองเป็นระดับโลกไปซะแล้ว เคยมีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน และแม่ตนก็เคยไปยืมเงินอย่างที่อีกฝ่ายออกมาพูดจริง บอกตอนนี้กลัวแม่เครียด เพราะแม่ป่วยหลายโรค แต่ตนก็พร้อมสู้ต่อในขั้นตอนของศาล เผยตอนนี้เตรียมตัวเต็มที่เพื่อเดินทางไปคว้ามงที่อินโดนีเซีย

ใกล้จะต้องเดินทางไปประกวดเวทีมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2022 แล้ว สำหรับสาว “อิงฟ้า วราหะ” มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2022 แต่เรื่องที่เจ้าตัวโดนอดีตต้นสังกัดฟ้องร้องค่าเสียหายมากถึง 1,200 ล้านบาท ก็ดูจะเป็นเรื่องใหญ่เอาเรื่องทีเดียว ถึงกับโพสต์ระบายความรู้สึกออกมา ซึ่งสาวอิงฟ้าเผยถึงเรื่องนี้ในงานเปิดตัวแบรนด์ โปรตีน U TIARA บอกว่าที่โพสต์ก็เพราะน้อยใจ เพราะมีเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไม่เป็นความจริงด้วย

“ก็เป็นอย่างที่เราโพสต์ไป เอาจริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลเราก็น้อยใจแหละ ความที่รู้สึกว่าความจริงมันด็คือความจริง เราแค่รอเวลาที่จะออกมาพูดเท่านั้นเอง ความในใจของเรามันก็มีเยอะ เพราะว่าด้วยเนื้อความที่เราอ่าน มันมีเยอะที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ถามว่า 10 ข้อที่เขาโพสต์มารู้สึกยังไงบ้าง ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงออกมาโพสต์แบบนั้นนะคะ เพราะมันมีทั้งข้อที่เป็นจริง และข้อที่ไม่ได้เป็นจริง แต่ทั้งหมดทั้งมวล หนูรอผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่เราจะออกมาชี้แจงให้ชัดเจนทีเดียวเลยดีกว่า

ช่วงที่เขาดูแลเรามันก็มีช่วงที่ดีค่ะ หนูก็เคยให้สัมภาษณ์ไปตั้งแต่แรกๆ เลย ว่าจริงๆ เขาเป็นคนมีพระคุณกับหนูคนหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ไม่เคยออกมาพูดเลย เรื่องว่าเราเจออะไรมาบ้าง เพราะเรารู้สึกว่าในส่วนที่ดีก็มี ด้วยความที่เราโตแล้วด้วย เราก็เลยแบบไม่อยากที่จะทำลายใคร ถ้าบอว่าสิ่งที่หนูพูดไปทำให้เขาเสียหาย ก็เดี๋ยวรอดูดีกว่าค่ะ ก็น่าจะใช้เวลาไม่นานค่ะ ตอนนี้ไม่ใช่แค่หนูคนเดียวที่โดน ตอนนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของทนายที่จะมาจัดการดูแลตรงนี้ค่ะ ทุกอย่างมันต้องรอบคอบให้ดีที่สุด”

บอกโดนฟ้องระดับ 1,200 ล้าน นึกว่าตัวเองเป็นระดับโลก
“มันก็เยอะนะคะ จริงๆ เยอะมาก เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าในความเป็นจริง มูลค่าที่มันเกิดขึ้นกับเราจริงๆ มันอาจจะไม่ขนาดนั้น หนูนึกว่าระดับโลกนะเนี่ย (หัวเราะ) ก็ตามนั้นค่ะ เชื่อว่าทุกคนก็น่าจะทราบอยู่แล้วในความเป็นจริงว่ามันเหมาะสมหรือเปล่า ถามว่าเขาวัดมูลค่าจากอะไร อันนี้หนูไม่แน่ใจเลย อันนี้ก็ไม่ทราบ ผลกระทบกับงาน ก็มีนะคะ คือจริงๆ เราก็ไม่ได้อยากจะขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่ได้อยากจะมีคดีอะไรติดตัวอยู่แล้ว ก็แอบมีแบบนิดหนึ่ง ที่มันตะขิดตะควงใจเรา ก็ไม่ได้เสียน้ำตานะคะ เพราะมันไม่ได้เสียใจเชิงแบบนั้น แค่บางทีเราไปเจอข้อความให้กำลังใจจากแฟนคลับหลายๆ แพลตฟอร์มเวลาเราเข้าไปดู ก็มีน้ำตาซึมบ้าง

ถามว่ากลัวเขาจะผุดเรื่องอื่นมาอีกไหม ไม่กลัวนะ เพราะจริงๆ หนูบริสุทธิ์ใจมาก เรายืนอยู่ตรงนี้ มันคือจุดที่สว่างมาก ความจริงคือความจริง เราเชื่อว่าเราไม่เคยทำร้ายใครหรือทำผิด เพื่อนที่เคยอยู่ในค่าย เขาก็ให้กำลังใจเรา เพราะเขาก็รู้ว่าหนูยังเด็ก จริงๆ หนูไม่ควรต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ ก็ให้กำลังใจว่าตัวเขาก็ผ่านมาแล้ว เราก็สู้กันเต็มที่ เขาก็พร้อมสู้เคียงข้างเรา ถ้าได้พูดคุยเจรจากันจะเป็นทางออกที่ดีไหมเหรอ อันนี้ก็ตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอดูทางทนาย ตอนนี้หนูยังตอบอะไรมากไม่ได้ ส่วนใหญ่หน้าที่ในการดูแลตรงนี้ อยู่ที่ผู้ใหญ่และทนายหมดเลย คงน่าจะต้องไปเจอกันที่ศาลเลยค่ะ”

เผย “ณวัฒน์ อิสรไกลศีล” คอยให้กำลังใจตลอด แต่เป็นห่วงกลัวแม่มากกว่า เพราะป่วยอยู่
“หนูว่าพร้อมค่ะ จริงๆ เขาก็ให้กำลังใจหนูตลอด ว่าไม่ต้องคิดมาก อะไรที่มันถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ทางผู้ใหญ่หลายคนพร้อมที่จะช่วยเราอยู่แล้ว แต่เรื่องตัวเลขยังไม่ได้คุยเลยค่ะ ถามว่ามีแนวโน้มที่จะต้องจ่ายไหม อันนี้ตอบไม่ได้ค่ะ มันต้องรอคุยกันค่ะ จะเจอกันวันไหนหนูก็ยังไม่ทราบ ต้องรอค่ะ เดี๋ยวรอดูดีกว่า แต่ไม่มีคุยนอกรอบค่ะ ที่ว่าในเอกสารไม่มีเรื่องการประกวดนางงาม เราจะใช้ตรงนี้ไหม อันนี้ตอบไม่ได้ เนื้อหาทั้งหมดอาจจะต้องรอผู้ใหญ่มาพูดดีกว่า

คุณแม่ก็เครียดค่ะ แล้วแม่ป่วยอยู่แล้ว เป็นหลายโรคด้วย แม่ก็รู้อยู่แล้ว ว่าในช่วงโมเมนต์ที่เราอยู่ตรงนั้นมันเป็นยังไง ไม่มีอะไรตัองกลัวเลย เราเอาความจริงเข้าสู้ แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเราอยู่ดี ซึ่งที่เขาโพสต์ว่าแม่เราไปยืมเงินเขา เราก็ได้อ่านแล้วค่ะ มันก็คือความจริงนะ มันมีความจริงอยู่ ช่วงที่เขามีบุญคุณกับเรามันก็มี แต่ก็ไม่ทราบจุดประสงค์ที่เขาออกมาโพสต์ แต่เชื่อว่าคนที่ติดตามข่าวนี้จะรู้อยู่แล้ว ถามว่ามันส่งผลกับจิตใจเราไหม คือจริงๆ ในแต่ละวันจะมีเรื่องให้ต้องคิดอยู่ตลอด ด้วยงานด้วย แล้วเดี๋ยวไม่กี่วันก็ต้องไปอินโดนีเซีย ก็จะมีบ้างที่เรารู้สึกว่ามันทำให้เราเสียเวลา กับการที่เราจะต้องเตรียมตัวไป เพราะอันนี้ก็สำคัญมากๆ จะมีการฟ้องกลับไหม ก็เดี๋ยวรอดูค่ะ (ยิ้ม)”

บอก “ชาร์ล็อต ออสติน” และแฟนคลับก็คอยให้กำลังใจ
“ไม่ๆ หนูเชื่อว่าคนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ค่ะ (ยิ้ม) น้องเขาก็ให้กำลังใจ ส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่ชาล็อต แต่คือน้องๆ ทุกคน ท็อป 10 มิสแกรนด์เราอยู่กันเป็นครอบครัว ส่วนใหญ่จะห่วงเรื่องที่เราจะไปอินโดนีเซียมากกว่า กลัวเราจะเครียด แต่จะเคลียร์ทันก่อนไปประกวดไหมต้องรอดูค่ะ สิ่งที่หนักใจหรือกังวลที่สุดในตอนนี้เหรอ อันดับแรกก็น่าจะห่วงแม่มากกว่า เพราะเขาก็เครียด ต่อให้เราพูดว่ามันไม่มาอะไร หรือว่าสบายอยู่แล้ว เขาก็เครียดอยู่ดี พอคิดว่าเดี๋ยวเราจะไม่อยู่เดือนหนึ่ง ไกลกันก็จะห่วง แล้วสิ่งสำคัญคือเราเกรงใจบอส เกรงใจผู้ใหญ่หลายๆ ด้วย ที่ต้องมาช่วยเราตรงนี้ ไม่มีผลต่อลูกค้าหรือกับงานเลยค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือให้กำลังใจด้วยซ้ำ ว่าสู้ไปด้วยกัน”

กดดันเตรียมตัวไปประกวดที่อินโดนีเซีย
“เรื่องชุดว่ายน้ำเว้าสูงมากเหรอ (ยิ้ม) จริงๆ เดี๋ยวจะมีอีกค่ะ เดี๋ยวมีถ่ายพอตเทรตอีกครั้งหนึ่ง ก็เดี๋ยวรอดู ถามว่ากดดันไหม ก็ยิ่งสูงยิ่งหนาวค่ะ เหมือนพอเราจากคนธรรมดาคนหนึ่งที่จะทำอะไรก็ได้ ไปไหนก็ได้ ณ ตอนนี้มันก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวบ้าง ถ้าบอกว่าไม่กดดันเลย ก็คงเป็นไปไม่ได้ มันก็จะมีนิดหนึ่ง เพราะเราเป็นตัวแทนของคนไทย แต่ก็จะทำมันด้วยความสุข พยายามจะไม่เครียดกับมัน จะเอามงฯ กลับบ้านให้ได้ค่ะ สู้เต็มที่เหมือนกัน

X

 
ช่วงนี้ก็ต้องพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลาค่ะ แต่เดือนหน้าจะเป็นการเทรนที่หนักจริงๆ แต่งานก็ต้องเคลียร์สะสางก่อนที่เราจะไม่อยู่ 1 เดือน แต่เรื่องภาษาเราจะเรียนออนไลน์ ช่วงเช้า-กลางวัน-เย็น ส่วนในเรื่องการเดินจะมีตารางไว้เรียนแล้ว ว่าต้องไปเรียนช่วงไหน บอสณวัฒน์บอกว่าถ้าเจอกันต้องพูดแต่ภาษาอังกฤษ ห้ามพูดไทยเหรอ (หัวเราะ) เขาก็โดนหักหลายบาทแล้วนะบอสน่ะ เขาก็พูดภาษาไทยกับหนู ล้อเล่น (หัวเราะ) ก็เป็นการล้อเล่นกัน เขาไม่อยากให้เราเครียด เขาไม่เคยให้ท้ายหนูเลยนะ มีแต่บอกว่ามันได้มากกว่านี้ ไปได้มากกว่านี้ แล้วก็มีอะไรบ้างที่เรายังสู้หลายๆ ประเทศไม่ได้ ไม่เคยให้ท้ายว่าดีอยู่แล้ว อันนี้ได้แน่ ไม่มีเลย เราก็เลยรู้สึกว่าเราได้อีก”